ECF โชว์ไตรมาส 3/65 รายได้รวม 357.17 ล้านบาท บริหารต้นทุนขายลดส่งผลกำไรโต 77%

ECF โชว์ไตรมาส 3/65 รายได้รวม 357.17 ล้านบาท บริหารต้นทุนขายลดส่งผลกำไรโต 77%

ECF เผยผลประกอบการไตรมาส 3/65 รายได้รวม 357.17 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9.67 ล้านบาท โต77.32 % ผลจากบริหารจัดการต้นทุนขายลดลง ทิศทางไตรมาส 4/65 เติบโตดี ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เข้าไฮซีซั่น เร่งขยายฐานลูกค้าในประเทศ ดันยอดขายพุ่ง มุ่งเน้นกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุน เพิ่มความสามารถในการทำกำไร

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) เปิดเผยว่าผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2565  บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 357.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่  342.31  ล้านบาท จำนวน  14.86 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.34 % และมีกำไรสุทธิ 9.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 5.45  ล้านบาท จำนวน  4.22 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 77.32% และมีกำไรเบ็ดเสร็จรวมเท่ากับ 52.97  ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรดังกล่าว 30.55 ล้านบาท จำนวน 22.42 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 73.36 %

ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2565 มีรายได้จากการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ และบริษัทย่อย1,091.78 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,129.99 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.41% และ 2.27% ตามลำดับ และมีกำไรส่วนของบริษัทเท่ากับ 31.76 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรดังกล่าว 35.54 ล้านบาท หรือ ลดลง 10.65 %

สาเหตุที่ผลประกอบการไตรมาส 3/65 ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการเติบโตของลูกค้าในประเทศเป็นสำคัญ  โดยช่วงไตรมาส 3 บริษัทฯ มีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าระหว่างการส่งออก 48% และภายในประเทศ52% ขณะที่รายได้รวมและกำไรส่วนของบริษัท งวด 9 เดือนปี 65 ปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องมาจากยอดขายต่างประเทศลดลง โดยสัดส่วนการส่งออกในช่วง 9 เดือน ลดลง 20 % จากภาวะสงคราม ปัญหาเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจโลก ประกอบกับต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น

อีกทั้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 7/2565 วันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัท อีซีเอฟ โฮลดิ้งส์ จำกัด (ECFH) ในฐานะบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 94.44% ยุติการเข้าลงทุนและให้ขายทรัพย์สินในธุรกิจเหมืองขุดสกุลเงินดิจิทัลของ ECFH เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานโดยภาพรวมของบริษัทฯ เนื่องมาจากความผันผวนของราคาสกุลเงินดิจิทัลที่ในช่วงที่ผ่านมา มีความผันผวนสูงและราคาลดลงต่ำมาก อีกทั้งปัญหาเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าซึ่งเป็นต้นทุนการดำเนินงานที่สำคัญที่สุดมีราคาสูงขึ้นกว่าเดิมมาก ดังนั้น จึงส่งผลกระทบต่อแนวโน้มของผลตอบแทนในการลงทุนเหมืองขุดสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งอาจจะไม่คุ้มค่าในการลงทุนต่อไปในระยะยาว

สำหรับผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนปี 65  บริษัทสามารถขุดเหรียญได้สองสกุลคือ บิตคอยน์ และอีเธอเรียม แต่อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลที่กล่าวมา โดยมติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้ดำเนินการขายเครื่องขุดสกุลเงินดิจิทัล และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในจำนวนรวม 20 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่บริษัทฯ พิจารณาแล้วว่าจะได้รับประโยชน์ และคาดว่าจะเข้าดำเนินการขายสินทรัพย์ดังกล่าวในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 นี้

นายอารักษ์ กล่าวต่อว่า แนวโน้มธุรกิจช่วงไตรมาส 4/65  จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 3/65 และน่าจะมีสัญญาณดีขึ้น ในลักษณะค่อย ๆ ฟื้นตัว จากนโยบายการเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อ ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซั่นธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ด้วย อีกทั้งการขยายตลาดในประเทศ มีสัญญาณการเติบโตที่ดีอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ตลาดต่างประเทศแม้ในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมาจะมียอดจำหน่ายที่ลดลงแต่ก็คาดว่าจากนี้จะค่อย ๆ ฟื้นตัวดีขึ้น

สำหรับด้านธุรกิจพลังงานทดแทน โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 220 MW เมืองมินบู ประเทศเมียนมาร์ ที่ปัจจุบันรับรู้รายได้เฟสที่ 1 จำนวน 50 MW แล้ว ปัจจุบันทาง GEP อยู่ระหว่างการก่อสร้างเฟส 2 ซึ่งความคืบหน้าการก่อสร้างยังคงเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ภายหลังจากที่สถานการณ์ความไม่สงบรวมถึงภาวะการแพร่ระบาดของ Covid-19 เริ่มคลี่คลาย โดยคาดว่าการก่อสร้างเฟส 2 จะแล้วเสร็จภายในต้นไตรมาส 2 ปี 2566  และจะเร่งดำเนินการก่อสร้างสำหรับเฟสที่เหลือให้ครบทั้ง 4 เฟสโดยเร็วต่อไป

ข่าวเกี่ยวข้อง